การใช้เหยี่ยวไล่นกในยุคปัจจุบันในการควบคุมนกในพื้นที่ต่าง ๆ

เหยี่ยวแฮริส (Parabuteo unicinctus) หนึ่งในสายพันธุ์นกล่าเหยื่อที่ได้รับความนิยมในการใช้งานควบคุมนกในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นเหยี่ยวที่สามารถฝึกล่าเหยื่อร่วมกันเป็นฝูงได้ ต่างจากนกนักล่าส่วนใหญ่ที่ล่าแบบโดดเดี่ยว ซึ่งพฤติกรรมพิเศษนี้ทำให้การใช้เหยี่ยวแฮริสไล่นกมีประสิทธิภาพสูงในพื้นที่ทุกแบบ

การควบคุมนกโดยใช้เหยี่ยว (Bird Abatement) – ในยุคปัจจุบัน การใช้เหยี่ยว เพื่อขับไล่นกที่เป็นปัญหาได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ ถือเป็นวิธีการตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับการใช้สารเคมี

หลักการคือการอาศัย “สัญชาตญาณนักล่า-เหยื่อ” ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ: เมื่อนกนักล่าระดับสูงอย่างเหยี่ยวปรากฏตัวและโฉบบินอยู่ในพื้นที่ นกขนาดเล็กกว่าหรือสัตว์ที่เป็นเหยื่อจะตกใจและหนีออกจากบริเวณนั้นโดยอัตโนมัติ​

ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมนก (เรียกว่า falconer ในบริบทนี้) จะฝึกเหยี่ยวให้ออกบินลาดตระเวนพื้นที่เป้าหมายเป็นระยะ เพื่อป้องกันไม่ให้นกรบกวนเข้ามาก่อความเสียหาย หรือหากมีก็จะไล่ให้ออกนอกพื้นที่ไป. วิธีนี้สามารถลดจำนวนเหตุการณ์ความเสียหายที่เกิดจากนกได้อย่างมาก ดัง เช่น สนามบินหลายแห่งที่ใช้เหยี่ยวลาดตระเวนสามารถลดอุบัติเหตุเครื่องบินชนกับนกลงได้ถึง 75–80% ตามรายงานการทดลองในบางพื้นที่ การควบคุมนกด้วยวิธีนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเริ่มทดลองครั้งแรกในปลายทศวรรษ 1940 ณ สนามบินแห่งหนึ่งในสกอตแลนด์และมีการศึกษาวิจัยต่อมาอย่างจริงจังในทศวรรษ 1960–1970 เพื่อประเมินประสิทธิภาพจนพิสูจน์ได้ว่าได้ผลดีในหลายกรณี

การใช้เหยี่ยวในสนามบิน – หนึ่งในภาคส่วนที่เห็นประโยชน์ชัดเจนของการใช้เหยี่ยวไล่นกคือ ท่าอากาศยาน เนื่องจากปัญหา “Bird Strike” (นกบินชนเครื่องบิน) เป็นภัยสำคัญด้านความปลอดภัยทางการบิน. สนามบินขนาดใหญ่ทั่วโลกเผชิญกับปัญหานกนานาชนิดบินเข้าเขตสนามบินและอาจชนกับเครื่องระหว่างบินขึ้นหรือลงจอด ซึ่งอาจทำให้เครื่องบินเสียหายร้ายแรงหรือเกิดอุบัติเหตุได้. วิธีการดั้งเดิมในการไล่นกสนามบินมีตั้งแต่การใช้เสียงระเบิดหรือเสียงปืนนกหวีด การใช้รถไล่นก ไปจนถึงการกำจัดแหล่งอาหารของนกในพื้นที่สนามบิน แต่หลายวิธีให้นกเกิดการดื้อชินหรือได้ผลระยะสั้นเท่านั้น. การนำเหยี่ยวที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีมาบินลาดตระเวนแทบทั้งพื้นที่สนามบินจึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิผล เนื่องจากเหยี่ยวสามารถบินครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างและสร้าง“เขตภัยคุกคาม”ตามธรรมชาติให้นกอื่นเกรงกลัว. ตัวอย่างเช่น ท่าอากาศยานชาร์ลส์ เดอโกล (กรุงปารีส ฝรั่งเศส) ได้ทดลองนำเหยี่ยวเพเรกริน เหยี่ยวยูร์ฟอลคอนลูกผสม และเหยี่ยวนกเขาเหนือ รวมทั้งหมดกว่า 10 ตัว มาประจำการไล่นกบริเวณรันเวย์และพื้นที่โดยรอบ ปรากฏว่าสามารถลดอุบัติเหตุเครื่องบินชนนก (โดยเฉพาะนกนางนวล นกกระแตแต้แว้ด และนกพิราบ) ลงได้ถึงประมาณ 60% ภายในเวลา 8 เดือนของการทดลองในปัจจุบัน สนามบินหลายแห่งในยุโรป อเมริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และเอเชีย ได้นำโปรแกรมเหยี่ยวไล่นกมาใช้ในการจัดการความปลอดภัยการบิน ตัวอย่างเช่น สนามบินฮีทโธรว์ (อังกฤษ) สนามบินชางงี (สิงคโปร์) และสนามบินนาริตะ (ญี่ปุ่น) ซึ่งแต่ละแห่งมีทีมผู้ฝึกพร้อมเหยี่ยวสายพันธุ์ต่าง ๆ คอยลาดตระเวนไล่นกตลอดช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินหนาแน่นการใช้เหยี่ยววิธีนี้มักดำเนินควบคู่ไปกับมาตรการอื่น ๆ เช่น การติดตั้งเครื่องส่งเสียงไล่นก การจัดการภูมิทัศน์ไม่ให้ล่อให้นกมาทำรัง และการวิจัยพฤติกรรมนกท้องถิ่นเพื่อปรับกลยุทธ์ ซึ่งทั้งหมดช่วยเสริมกันให้สนามบินปลอดภัยจากปัญหานกมากที่สุด

การใช้เหยี่ยวในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม – ภาคการเกษตรก็ได้รับประโยชน์จากการใช้เหยี่ยวไล่นกเช่นกัน โดยเฉพาะไร่องุ่น สวนผลไม้ และนาข้าวที่มักถูกนกเข้าทำลายผลผลิต. ในแคลิฟอร์เนียมีรายงานว่าไร่องุ่นที่จ้างนักล่าเหยี่ยวมาปล่อยนกเหยี่ยวไล่นกกินองุ่น สามารถลดความเสียหายของผลผลิตจากนกได้จนเหลือเพียง ~5% เมื่อเทียบกับก่อนใช้วิธีนี้ที่ความเสียหายสูงกว่ามากวิธีนี้จึงเป็นที่สนใจในหมู่เกษตรกรอินทรีย์หรือผู้ที่ไม่ต้องการใช้สารเคมีไล่นก. ส่วนในแคนาดา มีการใช้เหยี่ยวและนกนักล่าอื่น ๆ ไล่นกป่าที่รบกวนฟาร์มและบ่อปลา เช่น ไล่ห่านป่า นกพิราบ และนกนางนวลออกจากพื้นที่ เพื่อป้องกันโรคและความเสียหายที่ประเทศญี่ปุ่น เกษตรกรบางแห่งยังคงวิธีดั้งเดิมในการใช้เหยี่ยวไล่นกกาออกจากทุ่งนาเช่นเดียวกับบรรพบุรุษสำหรับภาคอุตสาหกรรมและเขตเมือง การใช้เหยี่ยวไล่นกก็เริ่มพบเห็นมากขึ้น เช่น ตามโรงงานโกดังหรือห้างสรรพสินค้าที่มีปัญหานกพิราบเกาะอาศัยก่อความสกปรกและทำลายสินค้า ผู้ประกอบการหลายรายเลือกจ้างผู้ฝึกเหยี่ยวมืออาชีพมาปล่อยนกล่าเหยื่อไล่นกพิราบเป็นระยะ ซึ่งให้ผลในการลดปริมาณนกได้ดีโดยไม่ต้องฆ่าหรือวางยานกให้เป็นปัญหาตามมา. ในประเทศไทยเองก็เริ่มมีผู้ประกอบอาชีพฝึกเหยี่ยวไล่นกเชิงพาณิชย์ ที่ให้บริการตามโรงงานและสถานที่ต่าง ๆ ที่ประสบปัญหานกระบาด

เพื่อตอกย้ำภาพการประยุกต์ใช้เหยี่ยวไล่นกในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างสถานที่ชื่อดังทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทยที่มีการใช้งานจริง:

1.นามบินชาร์ลส์ เดอโกล (กรุงปารีส, ฝรั่งเศส): สนามบินนานาชาติแห่งนี้เริ่มทดลองโปรแกรมเหยี่ยวไล่นกตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1985–1986 โดยมีทีมเหยี่ยวที่ประกอบด้วย เหยี่ยวเพเรกริน 4 ตัว, เหยี่ยวยูร์ฟอลคอน (พันธุ์ผสม) 7 ตัว และเหยี่ยวนกเขา 4 ตัว ผลการทดลองพบว่าสามารถลดจำนวนครั้งที่เครื่องบินชนกับนก (เช่น นกนางนวล, นกกระแต, นกพิราบ) ลงได้ถึงราว 60% ในช่วง 8 เดือนแรกของโครงการntrs.nasa.gov นับเป็นผลสำเร็จที่น่าพอใจ. แม้โครงการในครั้งนั้นจะพบอุปสรรคด้านค่าใช้จ่ายและการจัดหาเหยี่ยวผู้ฝึกที่ชำนาญ แต่สนามบินหลายแห่งในยุโรปก็ได้นำแนวคิดนี้ไปต่อยอดเป็นมาตรการถาวรในเวลาต่อมา

2.สนามบินนานาชาตินาริตะ (โตเกียว, ญี่ปุ่น): จากปัญหาการชนกับนกที่เพิ่มขึ้นหลังการขยายรันเวย์ บริหารสนามบินนาริตะได้ริเริ่มโครงการทดลองใช้เหยี่ยวไล่นกในปี ค.ศ.2014 โดยร่วมมือกับผู้ฝึกเหยี่ยวท้องถิ่น ทำการปล่อยเหยี่ยว (เช่น เหยี่ยวนกเขาใหญ่) บินรอบพื้นที่สนามบินวันละ 2 ครั้ง (เช้าและเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นกออกบินมาก) เพื่อขับไล่นกป่าบริเวณรันเวย์ กเหยี่ยวมีอาณาเขตและพฤติกรรมล่าอย่างแข็งขัน ทำให้นกอื่นที่เข้ามาในพื้นที่ต่างหวาดกลัวและบินหนีไป. ภายในปี 2013 สนามบินนาริตะมีเหตุการณ์เครื่องยนต์เครื่องบินดูดนก (bird strike) ถึง 113 ครั้ง (เพิ่มจาก 62 ครั้งในปีก่อน) แต่หลังจากทดลองใช้เหยี่ยว ไล่นกควบคู่กับมาตรการอื่น ๆ ตัวเลขก็มีแนวโน้มลดลง. หากโครงการนี้สัมฤทธิ์ผล สนามบินนาริตะมีแผนจะจ้างทีมเหยี่ยวประจำเต็มเวลาเพื่อรักษาความปลอดภัยการบินในระยะยาวถือเป็นตัวอย่างของสนามบินเอเชียที่นำวิธีธรรมชาตินี้มาใช้แก้ปัญหา


สถานที่ในประเทศไทย: แม้สนามบินพาณิชย์หลักของไทยอย่างสุวรรณภูมิและดอนเมืองยังไม่มีการใช้เหยี่ยวไล่นกอย่างเป็นทางการ (เนื่องจากมีเที่ยวบินขึ้นลงถี่และใช้มาตรการอื่นทดแทน เช่น การปรับภูมิทัศน์และใช้เสียงไล่นก) แต่ก็มีการใช้เหยี่ยวในสถานที่อื่น ๆ ของไทยเพื่อแก้ปัญหานกรบกวนจริง. ตัวอย่างเช่น ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ซึ่งเป็นศูนย์แสดงสินค้าขนาดใหญ่ มีการว่าจ้าง บริษัท การ์ดฮอว์ค เบิร์ดคอนโทรล จำกัด นำเหยี่ยวมาบินไล่นกพิราบก่อนมีการจัดงานสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้นกพิราบมาก่อความสกปรกบนอาคารสถานที่ – เหตุการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นว่าเหยี่ยวไล่นกสามารถปรับใช้ได้ในบริบทหลากหลายนอกเหนือจากสนามบิน. อีกตัวอย่างหนึ่งคือ โรงงานและโกดังสินค้า หลายแห่งในนิคมอุตสาหกรรมของไทยที่ประสบปัญหานกพิราบหรือนกกระจอกเข้าทำรังและสร้างความเสียหายแก่สินค้าหรือเครื่องจักร ก็มีการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาใช้เหยี่ยวไล่นก ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี. คาดว่าในอนาคตอันใกล้ วิธีการนี้จะได้รับความนิยมยิ่งขึ้นทั้งในภาครัฐและเอกชนของไทย เนื่องจากเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด

Ref:https://ntrs.nasa.gov/api/citations/19950021438/downloads/19950021438.pdf#:~:text=