นกพิราบ

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับพิราบ

พิราบเป็นนกที่พบได้ทั่วไปทั่วโลกและมีพฤติกรรมการผสมพันธุ์และเลี้ยงลูกที่น่าสนใจ ดังนี้

  1. ข้อมูลทั่วไปของพิราบ
    • ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Columba livia
    • อายุขัย: ประมาณ 5-10 ปี (ในธรรมชาติ) และอาจมากกว่า 15 ปีในที่เลี้ยง
    • ขนาดตัว: ความยาวประมาณ 30-35 ซม.
    • น้ำหนัก: ประมาณ 250-400 กรัม
    • อาหารหลัก: เมล็ดพืช ธัญพืช และผลไม้
  2. พฤติกรรมการจับคู่ของนกพิราบ
    • พิราบเป็นนกที่จับคู่กันตลอดชีวิต (monogamous) ซึ่งหมายความว่าหากไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคู่ของมัน พวกมันจะอยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียไปตลอดชีวิต
    • ในช่วงเกี้ยวพาราสี นกพิราบตัวผู้จะมีพฤติกรรมดึงดูดตัวเมียที่เด่นชัด เช่น ยืนพองอก ส่งเสียงร้อง “คูๆ” และเดินหมุนวนรอบตัวเมียพร้อมกับก้มศีรษะขึ้นลง (bowing) เพื่อแสดงความพร้อม​ พฤติกรรมนี้มักทำซ้ำหลายครั้งจนกว่าตัวเมียจะสนใจ นอกจากนี้ตัวผู้และตัวเมียจะมีการทำความสะอาดขนหรือจู๋จี๋กัน (preening) โดยบางครั้งตัวผู้จะงับหรือใช้จะงอยปากเขี่ยขนบนตัวเมียอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงตามด้วยพฤติกรรมที่เรียกว่า “billing” คือการที่ตัวเมียกระตุ้นขออาหารจากตัวผู้ โดยตัวผู้อาจสำรอกอาหารหรือน้ำจากกระเพาะพักออกมาป้อนทางปากให้ตัวเมีย เป็นการกระชับความสัมพันธ์ก่อนการผสมพันธุ์​
  3. กระบวนการผสมพันธุ์และการวางไข่ เมื่อนกพิราบพร้อมจะผสมพันธุ์ ตัวเมียจะหมอบต่ำลงและตัวผู้จะกระโดดขึ้นคร่อมด้านหลังเพื่อให้ช่องเปิดสืบพันธุ์สัมผัสกัน (เรียกว่า “cloacal kiss”) การปฏิสนธินี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงประมาณ 1–2 วินาทีเท่านั้น​ หลังการผสมพันธุ์ไม่นาน ตัวเมียจะเริ่มวางไข่ โดยปกติแล้วนกพิราบจะวางไข่ครั้งละประมาณ 2 ฟอง ซึ่งมักมีสีขาว และจะวางห่างกันประมาณ 1–2 วัน (ภายใน 48 ชั่วโมง)​ ทั้งนี้ นกพิราบสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปีหากมีอาหารและสภาพอากาศที่เหมาะสม โดยในหนึ่งปีนกพิราบคู่หนึ่งอาจทำรังวางไข่และเลี้ยงลูกได้หลายครั้ง (ประมาณ 3–6 ครอกต่อปี) ซึ่งเป็นจำนวนรอบการสืบพันธุ์ที่มากกว่านกส่วนใหญ่
  4. ระยะฟักไข่และการฟักตัว
    • เมื่อนกพิราบวางไข่เรียบร้อย พ่อแม่นกจะช่วยกันฟักไข่โดยผลัดเปลี่ยนเวรกันกกไข่เพื่อให้ไข่ได้รับความอบอุ่นสม่ำเสมอจนกว่าจะฟัก ตัวผู้มักทำหน้าที่กกไข่ในช่วงกลางวันตั้งแต่สายถึงบ่าย ส่วนตัวเมียจะกกไข่ตั้งแต่ช่วงเย็นตลอดคืนจนถึงเช้า​
    • ระยะเวลาฟักไข่ของนกพิราบอยู่ที่ประมาณ 17–18 วัน (หรือประมาณ 2 สัปดาห์กว่า) จนกระทั่งลูกนกฟักออกจากไข่​ ในช่วงนี้พ่อแม่นกจะคอยระมัดระวังป้องกันภัยและรักษาอุณหภูมิของไข่อย่างดีเพื่อเพิ่มโอกาสฟักสำเร็จ
    • มื่อครบกำหนดฟัก ไข่นกพิราบจะเริ่มแตกออกและลูกนก (เรียกกันว่า ลูกนกพิราบแรกเกิด หรือ squab) จะโผล่ออกมา ลูกนกที่เพิ่งฟักออกมาจะมีลักษณะยังไม่แข็งแรงนัก – ตามตัวปกคลุมด้วยขนอุยสีเหลืองบางๆ ตัวยังเปียกชื้นและตายังไม่ลืมในช่วงแรกเกิด ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย ดังนั้นลูกนกในระยะนี้จำเป็นต้องได้รับความอบอุ่นจากการกกของพ่อแม่และการป้อนอาหารจากพ่อแม่อย่างใกล้ชิด
  5. การเลี้ยงดูลูกนกพิราบโดยพ่อแม่
    • มื่อลูกนกพิราบฟักออกจากไข่ พ่อและแม่นกจะทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกนกอย่างแข็งขัน ทั้งสองเพศจะผลัดกันกกให้ความอบอุ่นลูกนกและป้อนอาหารให้ลูกนกเป็นประจำ โดยอาหารแรกเกิดของลูกนกพิราบมีลักษณะพิเศษ เรียกว่า “น้ำนมกระเพาะ” หรือ Crop Milk ซึ่งเป็นของเหลวคล้ายน้ำนมข้นที่ผลิตจากเยื่อบุบริเวณกระเพาะพักอาหารของพ่อแม่นก
    • น้ำนมกระเพาะนี้ไม่ได้มีเฉพาะในแม่นกเท่านั้น แต่ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะเริ่มผลิตน้ำนมพิเศษนี้ได้ตั้งแต่ประมาณ 1–2 วันก่อนที่ไข่จะฟักเสียอีก เพื่อเตรียมไว้ให้ลูกนกแรกฟักได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอทันทีที่ออกจากไข่
    • ในช่วง ประมาณ 3–7 วันแรก หลังฟักออกมา ลูกนกพิราบจะได้กินเฉพาะน้ำนมกระเพาะที่พ่อแม่สำรอกป้อนให้เท่านั้น ซึ่งมีความจำเป็นต่อการอยู่รอดและการเติบโตในระยะแรกเกิดของลูกนกอย่างมาก
  6. อาหารและการเจริญเติบโตของลูกนกพิราบ
    • มื่อน้ำนมกระเพาะเป็นอาหารหลักในช่วงแรกเกิด จึงน่าสนใจว่าสารอาหารในน้ำนมนี้มีคุณค่ามากเพียงใด – น้ำนมกระเพาะของนกพิราบประกอบด้วย โปรตีนและไขมันในระดับสูงมาก (สูงกว่านมวัวหรือนมคนเสียอีก) และแทบไม่มีน้ำตาลเลย​ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารเสริมภูมิคุ้มกันต่างๆ เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ และมี แอนติบอดีชนิด IgA ที่ช่วยป้องกันโรคให้ลูกนกอ่อนด้วย คุณค่าทางอาหารที่เข้มข้นนี้ช่วยให้ลูกนกพิราบเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ในช่วงประมาณสัปดาห์แรก ลูกนกจะได้สารอาหารทั้งหมดจากน้ำนมกระเพาะ พ่อแม่จะยังไม่ป้อนอาหารชนิดอื่นที่ย่อยยากให้จนกว่าลูกนกจะพอแข็งแรงขึ้นเล็กน้อย หลังผ่านไปไม่กี่วันแรก พ่อแม่จึงจะเริ่มผสมอาหารปกติของนกพิราบ (เช่น เมล็ดพืชต่างๆ ที่พ่อแม่กินและกักไว้ในกระเพาะพักจนชุ่มนิ่ม) ปนเข้าไปกับน้ำนมกระเพาะทีละน้อย และภายในประมาณสัปดาห์ที่สอง ลูกนกจะได้รับอาหารกึ่งย่อยแล้วที่ไม่ใช่น้ำนมล้วนๆ เพื่อฝึกการย่อยอาหาร ด้วยสารอาหารที่ครบถ้วน ลูกนกพิราบจึงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วกว่าสัตว์ปีกหลายชนิด – ภายในเวลาเพียงประมาณ 1-2 วันแรก น้ำหนักตัวของลูกนกสามารถเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อเทียบกับตอนฟักออกมาใหม่ๆและเมื่อเลี้ยงดูไปได้ประมาณ 4 สัปดาห์ ลูกนกพิราบจะมีขนขึ้นปกคลุมเต็มที่และมีน้ำหนักตัวใกล้เคียงกับนกพิราบเต็มวัย ทำให้พร้อมที่จะออกจากรังและใช้ชีวิตได้เอง (โดยปกติประมาณ 4 สัปดาห์ลูกนกจะบินออกจากรังได้ และพ่อนกอาจทำหน้าที่ดูแลสอนหากินต่ออีกระยะหนึ่ง ในขณะที่แม่นกสามารถเริ่มกระบวนการวางไข่ชุดต่อไป) ลูกนกพิราบเหล่านี้จะเติบโตต่อไป และสามารถถึงวัยเจริญพันธุ์ผสมพันธุ์ได้เองเมื่ออายุประมาณ 5–6 เดือนหลังเกิด​

พิราบเป็นนกที่ดูแลลูกอย่างดีและสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ง่าย จึงพบเห็นได้ทั่วไปในเมืองและชนบท